💡 4 แนวปฏิบัติสร้าง Growth Mindset เปลี่ยนห้องเรียนให้เต็มไปด้วยศักยภาพ
แนวคิด Growth Mindset มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและความสำเร็จของนักศึกษาในทุกรายวิชา
ที่มาขององค์ความรู้: สรุปจากงานวิจัย "การศึกษาแนวปฏิบัติการสอนนักเรียนด้อยเปรียบของครูที่มีกรอบความคิดเติบโตในรายวิชาวิทยาศาสตร์"
เป้าหมาย: เพื่อให้ผู้สอนสามารถนำแนวคิด Growth Mindset มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและความสำเร็จของนักศึกษาในทุกรายวิชา
หลายครั้งที่ผู้สอนเชื่อว่า "ความเก่ง" เป็นเรื่องของพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด และนักศึกษาที่เรียนดีก็คือผู้ที่มีต้นทุนที่ดีกว่า แต่แนวคิด Growth Mindset (กรอบความคิดเติบโต) ยืนยันว่า ความสามารถและสติปัญญาสามารถพัฒนาได้ด้วยความพยายาม การเรียนรู้ และการเผชิญหน้ากับความท้าทาย
สำหรับห้องเรียนระดับอุดมศึกษา ที่มีนักศึกษาจากพื้นฐานที่หลากหลาย การนำแนวคิดนี้มาใช้นับเป็นหัวใจสำคัญในการติดอาวุธทางความคิดให้นักศึกษา พร้อมก้าวข้ามความท้าทายในวิชาเรียนที่ซับซ้อน
งานวิจัยฉบับดังกล่าวได้สังเคราะห์แนวปฏิบัติการสอนที่ประสบความสำเร็จออกมาเป็น 4 ด้านหลัก ซึ่งผู้สอนทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ดังนี้
1. การสื่อสารเพื่อส่งเสริม "ความสำเร็จ"
Growth Mindset เริ่มต้นที่ภาษาพูด ในฐานะผู้สอน ต้องแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของนักศึกษาทุกคน ไม่ใช่แค่คนที่เรียนเก่งอยู่แล้ว
แนวปฏิบัติที่แนะนำ:
- เน้น "ความสามารถในการพัฒนา": หลีกเลี่ยงคำพูดที่สื่อว่าความสามารถเป็นสิ่งที่ตายตัว (Fixed) เช่น "วิชานี้ต้องเก่งคำนวณแต่แรก" หรือ "คุณไม่ถนัดงานวิเคราะห์เลย" ให้เปลี่ยนเป็นการเน้นถึงความสามารถในการเติบโต เช่น "คุณยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ แต่ถ้าเพิ่มการฝึกฝนอีกนิดจะไปได้ไกลมาก"
- ใช้ "คำที่ยังไม่สำเร็จ" (Yet/Still): เมื่อนักศึกษาทำได้ไม่ดีตามที่คาดหวัง ให้ใช้คำที่ไม่ตัดสินความสามารถ เช่น "งานนี้ยังต้องปรับปรุงด้านการอ้างอิง" (สื่อว่ามันจะดีขึ้นได้อีก) แทนการบอกว่า "งานนี้สอบตก"
- กระตุ้นการร่วมมือ: ในงานกลุ่ม/โปรเจกต์ เน้นย้ำเสมอว่า "ทุกคนทำได้" และความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้และการช่วยกันผลักดัน
2. การสร้าง "โอกาส" ในการเรียนรู้
การให้โอกาสคือการสร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" ให้นักศึกษาได้ลองผิดลองถูกอย่างอิสระ โดยไม่รู้สึกว่าการผิดพลาดหมายถึงความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
แนวปฏิบัติที่แนะนำ:
- เปิดโอกาสให้แก้ไขและส่งงานซ้ำ: ในการบ้านหรือรายงานสำคัญ อนุญาตให้มีการแก้ไขงานเพื่อรับคะแนนเพิ่มเติม หรือมีการสอบย่อยแบบ Low-stakes ที่ไม่กระทบเกรดมากนัก เพื่อให้การเรียนรู้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ใช้ "คำถามชี้แนะ" แทนการเฉลย: เมื่อนักศึกษาถามคำถามยากๆ หรือตอบผิดในการสนทนาในชั้นเรียน อย่ารีบให้คำตอบทันที แต่ควรใช้คำถามนำทางหรือคำแนะนำเชิงหลักการ เช่น "คุณคิดว่าถ้าเราใช้ทฤษฎี A แทนทฤษฎี B ผลลัพธ์ที่ได้จะต่างกันไหม?" เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาหาคำตอบด้วยตนเอง
- สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง: ใช้รอยยิ้มและท่าทีที่เป็นมิตรเสมอ เพื่อให้นักศึกษากล้าซักถาม โดยเฉพาะในวิชาที่พวกเขารู้สึกว่ามีความซับซ้อน
3. การให้ความสำคัญกับ "ความพยายามและกระบวนการ"
ในระดับมหาวิทยาลัย ผลลัพธ์ (คะแนน) สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการรับรู้ว่า นักศึกษาใช้กลยุทธ์ที่ดี มีความมุ่งมั่น และไม่ย่อท้อต่อปัญหา
แนวปฏิบัติที่แนะนำ:
- ให้ข้อเสนอแนะที่เน้น "กลยุทธ์" มากกว่า "ผลลัพธ์": เมื่อตรวจงานหรืองานนำเสนอ ให้ความคิดเห็นที่เจาะจงลงไปที่กระบวนการทำงาน เช่น "คุณใช้แหล่งข้อมูลที่หลากหลายมาก ถือเป็นความพยายามที่ดีในการทำ Research Synthesis แต่ครั้งต่อไปควรจัดโครงสร้างบทสรุปให้กระชับขึ้น"
- มอง "ความผิดพลาด" เป็นข้อมูลสำหรับการเรียนรู้: เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการทดลอง หรือการคำนวณ ให้ใช้เป็นกรณีศึกษาในชั้นเรียนว่า "อะไร" ที่ทำให้เกิดความผิดพลาด และ "จะปรับปรุง" กระบวนการทำงานในอนาคตได้อย่างไร
- ชื่นชมความมุ่งมั่น: แสดงออกถึงความชื่นชมเมื่อเห็นนักศึกษาที่พยายามปรับปรุงตัวเอง แม้เกรดอาจจะยังไม่พุ่งสูงมากนัก เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป
4. การให้ "คุณค่า" และการรับรู้
การรับรู้ถึงตัวตนและความคิดของนักศึกษาแต่ละคน เป็นการเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง และช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจในการแสดงออกทางวิชาการ
แนวปฏิบัติที่แนะนำ:
- ส่งเสริมการแสดงออกส่วนบุคคล: เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำเสนอความคิด ความเข้าใจ หรือผลงานของตนเองในรูปแบบที่หลากหลาย โดยให้คุณค่ากับการอธิบายและกระบวนการคิดของพวกเขาเป็นอันดับแรก
- ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง: เมื่อนักศึกษาถามหรือนำเสนอ ให้แสดงออกถึงความตั้งใจรับฟัง (สบตา, พยักหน้า, ไม่ขัดจังหวะ) และให้เกียรติความคิดเห็นของพวกเขา
- ใช้สัญลักษณ์และคำพูดเชิงบวกเฉพาะเจาะจง: ให้การชื่นชมที่ชัดเจน เช่น "สุดยอดมาก ที่คุณเชื่อมโยงแนวคิดนี้เข้ากับสถานการณ์จริงได้" หรือใช้ท่าทาง เช่น ปรบมือ ยกนิ้วโป้ง เพื่อแสดงการยอมรับอย่างเปิดเผย
บทสรุปสำหรับผู้สอน
แนวปฏิบัติทั้ง 4 ด้านนี้ เป็นเครื่องมือสากลในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้แบบ Growth Mindset ในทุกศาสตร์ การลงทุนในความเชื่อมั่นของนักศึกษา จะเป็นรากฐานที่มั่นคงที่สุดในการช่วยให้พวกเขาเติบโตทางความคิด และประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานต่อไปในอนาคต