ถามให้ปัง! เคล็ดลับขุดลึกความต้องการเพื่อสร้างนวัตกรรมสุดล้ำ
การตั้งคำถามที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการค้นหาความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย ช่วยสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพ
การสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง เริ่มต้นจากการตั้งคำถามที่ถูกต้อง การตั้งคำถามไม่ใช่แค่การหาข้อมูล แต่เป็นการเปิดประตูสู่การค้นพบสิ่งใหม่ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งสำคัญมากเมื่อต้องการเข้าใจกลุ่มเป้าหมายในเชิงลึก โดยเฉพาะในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีคุณค่า
บทความนี้อาจารย์อยากชวนให้นักศึกษาทบทวนถึงความสำคัญของการตั้งคำถาม และมาดูกันว่าเราจะฝึกฝนให้การตั้งคำถามอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
การตั้งคำถามเป็นเหมือนการขุดลึกลงไปทีละชั้น เพื่อให้เราได้เข้าใจปัญหา ความต้องการ และแรงจูงใจที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย การถามคำถามที่ดีจะช่วยให้เรามองเห็นปัญหาในมุมกว้าง ค้นหาความต้องการที่ยังไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน และนำไปสู่การสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง
ยกตัวอย่าง หากนักศึกษากำลังทำโปรเจกต์นวัตกรรมสื่อสำหรับผู้สูงอายุ ถ้าตั้งคำถามแค่ว่า “คุณต้องการอะไรจากสื่อนี้?” อาจได้คำตอบที่ผิวเผิน เช่น “อยากให้ใช้ง่าย” แต่ถ้าถามต่อไปว่า “อะไรทำให้คุณรู้สึกว่าสื่อปัจจุบันใช้ยาก?” คำตอบอาจเปิดเผยปัญหาที่แท้จริง เช่น ขนาดตัวหนังสือเล็ก หรือกลัวว่าจะใช้ฟังก์ชันผิด การถามคำถามที่ลึกขึ้นจึงช่วยให้เราเข้าใจถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่
9 ประเภทของคำถามที่จะช่วยให้นักศึกษาค้นพบความต้องการ
- คำถามปลายเปิด
คำถามประเภทนี้เปิดโอกาสให้ผู้ตอบสามารถแสดงความเห็นได้อย่างอิสระ เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสนทนาเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง
ตัวอย่าง: “คุณรู้สึกอย่างไรกับสื่อที่คุณใช้อยู่?”
- คำถามปลายปิด
คำถามปลายปิดให้คำตอบที่ชัดเจน โดยมักจะตอบด้วย "ใช่" หรือ "ไม่" เป็นคำถามที่เหมาะกับการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือ ใช้เป็นคำถามเพื่อนำไปสู่คำถามอื่น
ตัวอย่าง: “คุณเคยใช้สื่อนี้มาก่อนหรือไม่?”
- คำถามเพื่อค้นหาสาเหตุ
คำถามที่เน้นค้นหาสาเหตุของปัญหาหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจต้นตอของปัญหามากขึ้น
ตัวอย่าง: “คุณคิดว่าทำไมปัญหานี้ถึงเกิดขึ้น?”
- คำถามเพื่อวัดความสำคัญ
ใช้เพื่อทำความเข้าใจลำดับความสำคัญของสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสำคัญ
ตัวอย่าง: “อะไรที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณในสถานการณ์นี้?”
- คำถามเพื่อประเมินโซลูชัน
เป็นคำถามที่ช่วยในการค้นหาแนวทางแก้ปัญหาหรือความต้องการในเชิงโซลูชันของกลุ่มเป้าหมาย
ตัวอย่าง: “คุณคิดว่าโซลูชันแบบไหนที่น่าจะตอบโจทย์คุณได้ดีที่สุด?”
- คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ
คำถามเหล่านี้ใช้เพื่อยืนยันว่าเราตีความสิ่งที่ผู้ตอบสื่อออกมาอย่างถูกต้อง
ตัวอย่าง: “ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด คุณหมายถึงว่าปัญหานี้เกิดจาก… ใช่ไหม?”
- คำถามสะท้อนกลับ
เป็นการสะท้อนคำตอบหรือข้อคิดเห็นของผู้ตอบกลับมาเพื่อทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งและเพื่อให้ผู้ตอบขยายความเพิ่มเติม
ตัวอย่าง: “ได้ยินคุณบอกว่าปัญหาหลักของคุณคือการใช้เทคโนโลยี ช่วยอธิบายเพิ่มได้ไหม?”
- คำถามกระตุ้นให้คิด
เป็นคำถามที่เจาะลึกเพื่อต้องการข้อมูลเชิงลึกหรือรายละเอียดเพิ่มเติมจากคำตอบที่ได้รับ
ตัวอย่าง: “ช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความยากลำบากในการใช้งานสื่อนี้ได้ไหม?”
- คำถามเพื่อให้ข้อมูลย้อนกลับ
คำถามประเภทนี้ใช้เพื่อรับข้อมูลย้อนกลับจากกลุ่มเป้าหมาย เพื่อประเมินว่าสิ่งที่เรานำเสนอไปนั้นตรงตามความต้องการหรือไม่
ตัวอย่าง: “คุณคิดอย่างไรกับโซลูชันที่เราเสนอให้? มีอะไรที่ควรปรับปรุงไหม?”
วิธีฝึกฝนการตั้งคำถาม
นักศึกษาสามารถเริ่มฝึกฝนจากการตั้งคำถามในชีวิตประจำวัน ลองสังเกตว่าเมื่อเราใช้คำถามประเภทต่าง ๆ เราจะได้รับคำตอบที่ลึกซึ้งและเปิดเผยมากขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญคือการ ฟังอย่างตั้งใจ คำตอบที่ผู้ตอบให้มาจะเป็นเบาะแสสำคัญที่จะช่วยให้นักศึกษาสร้างนวัตกรรมที่ตรงใจและมีคุณค่าต่อกลุ่มเป้าหมาย
การตั้งคำถามเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วข้ามคืน แต่นักศึกษาสามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่วันนี้ ทั้งในชีวิตประจำวัน การสนทนาในทีม หรือการวิจัย การตั้งคำถามจะช่วยเปิดประตูสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งและเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างนวัตกรรมที่มีคุณภาพ
การตั้งคำถามที่ดีจะนำไปสู่การค้นพบสิ่งที่มีคุณค่า นักศึกษาอาจรู้สึกว่าการค้นหาความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมายเป็นเรื่องที่ยาก แต่จำไว้ว่า อย่าหยุดที่จะถามและเรียนรู้จากคำตอบ ทุกคำถามที่นักศึกษาตั้งมีความหมายและเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
การสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายไม่ได้เกิดจากไอเดียล้ำยุคเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการเข้าใจความต้องการและปัญหาที่แท้จริงของพวกเขา เริ่มต้นจากการตั้งคำถามที่มีคุณภาพ นักศึกษาจะพบว่า การตั้งคำถามที่ดีจะช่วยเปิดโอกาสให้เราได้สร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่ามากยิ่งขึ้นในอนาคต