ถอดบทเรียนจากกิจกรรมพัฒนากาย-จิต-สังคม ในรายวิชา Joy of Sharing 2/68
ผู้ถอดบทเรียน: ชัยฤทธิ์ อิ่มเจริญ อาจารย์ประจำวิชา (อาจารย์พิเศษ สำนักศึกษาทั่วไป)
วันที่จัดกิจกรรม: 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
1. วัตถุประสงค์และกรอบแนวคิดของกิจกรรม
การจัดกิจกรรมในคาบเรียนนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะพื้นฐานที่สำคัญยิ่งต่อชีวิตและการทำงานของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ:
- พัฒนากลุ่มทักษะการสื่อสาร (Communication Skills): โดยเน้นการฝึกทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening)
- พัฒนาทักษะระหว่างบุคคลและภายในบุคคล (Intrapersonal Skills): เน้นการกลับมาตระหนักรู้ร่างกายตนเอง (Body Scan) และการจัดการความเครียด/ความกลัว
ผลลัพธ์ที่ได้จากการประเมินด้วยกิจกรรม Free Writing (การเขียนสะท้อนความรู้สึก) พบว่านักศึกษาส่วนใหญ่สามารถ บรรลุผลลัพธ์เกินความคาดหวัง โดยเฉพาะการสะท้อนถึงการตระหนักรู้ตนเองและการเข้าใจมิติของการสื่อสารที่ลึกซึ้งขึ้น

2. กระบวนการจัดการเรียนรู้: 3 องค์ประกอบ กาย-จิต-สังคม
กิจกรรมถูกออกแบบให้มีการเรียนรู้ที่บูรณาการทั้งสามมิติเพื่อสร้างการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ โดยมีการเชิญทีมวิทยากรจิตอาสาที่มีประสบการณ์เป็นอาสารับฟังมาทำหน้าที่เป็น "พี่เลี้ยง" ประจำกลุ่มย่อย ซึ่งถือเป็น จุดเด่นเชิงนวัตกรรม ในการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงและได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง
กิจกรรมถูกแบ่งออกเป็น 3 องค์ประกอบหลัก เริ่มจาก
- Session กาย ซึ่งเป็นด่านแรกของการสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) โดยให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อทำความรู้จักและทำแบบประเมินความเครียด (เพื่อประเมินสภาวะเริ่มต้น) จากนั้นจึงเข้าสู่กิจกรรมกลุ่มใหญ่ คือการยืนเป็นวงกลมเพื่อฝึกการผ่อนคลายความเครียด ความกลัว และความอาย เพื่อฝึกทักษะการแสดงออกในที่สาธารณะเบื้องต้น ต่อมาคือ
- Session จิต ซึ่งมุ่งเน้นการฝึกทักษะภายในผ่านการทำ Body Scan เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกการกลับมาตระหนักรู้ร่างกายตนเองและผ่อนคลายความตึงเครียด และปิดท้ายด้วย
- Session สังคม ที่นักศึกษาได้เรียนรู้ทฤษฎีการฟังอย่างลึกซึ้ง (8 ร่องการฟัง) เพื่อสร้างความเข้าใจในมิติของการสื่อสาร ก่อนจะเข้าสู่การลงมือปฏิบัติ (Hands-on Practice) ด้วยการฝึกจับคู่ผลัดกันเป็นผู้พูดและผู้ฟัง จากนั้นจึงปิดท้ายคาบเรียนด้วยกิจกรรม Free Writing เพื่อให้นักศึกษาได้สะท้อนความรู้สึกและประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้
การใช้พี่เลี้ยงประจำกลุ่มย่อยอย่างทั่วถึง และการที่พี่เลี้ยงมีความเป็นมิตรและใส่ใจตามที่ได้มีการประชุมเตรียมการเรื่องช่องว่างระหว่างวัย เป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มการมีส่วนร่วม ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้นักศึกษากล้าแสดงออกมากขึ้นในกลุ่มย่อย ซึ่งนำไปสู่การมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มใหญ่ที่ดีขึ้นกว่าการสอนในรูปแบบปกติ

3. บทเรียนสำคัญและความท้าทาย
3.1 บทเรียนสำคัญ
จากการจัดการเรียนการสอนในครั้งนี้ สรุปบทเรียนที่สำคัญที่สุดได้ 2 ประเด็น:
- นักศึกษาต้องการพื้นที่ฝึกฝนจริง: การเรียนรู้ทักษะ (Skill Development) โดยเฉพาะทักษะด้าน Intrapersonal และ Communication ควรเป็นกิจกรรมที่เน้นการ "ลงมือทำ" และการ "เปิดโอกาสให้ฝึกฝน" อย่างต่อเนื่อง มากกว่าการเป็นกิจกรรมที่เน้นการประเมินผลเพื่อตัดสินเกรดหรือผลการศึกษา
- ความใส่ใจเป็นหัวใจของการเรียนรู้: การมีทีมพี่เลี้ยงเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด สร้างความรู้สึก "ได้รับความใส่ใจ" และเป็นพื้นที่ปลอดภัย ส่งผลต่อความกล้าแสดงออกและการเปิดใจเรียนรู้ของนักศึกษาอย่างชัดเจน การจัดการเรียนการสอนเชิงทักษะที่ดีจึงไม่สามารถดำเนินการได้โดยผู้สอนเพียงผู้เดียว
3.2 การปรับตัวเฉพาะหน้า
มีการนำผลการสอนภาคเช้ามาพิจารณาเพื่อปรับปรุงกระบวนการในภาคบ่าย โดยเฉพาะการปรับระยะเวลาในบาง Session ให้มีความกระชับและมีการปรับการสื่อสารของวิทยากรให้มีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การบริหารเวลาในภาคบ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถเลิกชั้นเรียนได้ทันตามเวลาที่กำหนด
3.3 ความท้าทายที่ต้องได้รับการสนับสนุน
แม้กิจกรรมจะประสบความสำเร็จสูงด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ แต่พบความท้าทายด้านปัจจัยสนับสนุน 2 ประการ:
- พื้นที่: ห้องเรียนมีขนาดแคบเกินไป ทำให้การทำกิจกรรมที่ต้องใช้พื้นที่ (เช่น การยืนเป็นวงกลม) ทำให้นักศึกษายืนเบียดกัน และการแบ่งกลุ่มรับฟังอยู่ใกล้กันเกินไปจนเสียงรบกวนกัน
- งบประมาณ: ผู้สอนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมทั้งหมด ทั้งค่าอาหารและค่าเดินทางของทีมวิทยากรอาสาสมัคร

4. ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์เพื่อการต่อยอด
เพื่อยกระดับการจัดการเรียนการสอนเชิงทักษะในระดับอุดมศึกษา ข้อเสนอแนะจากการถอดบทเรียนนี้มุ่งเน้นการสนับสนุนจากสถาบันและปรับปรุงกระบวนการ:
- การจัดสรรพื้นที่ส่วนกลาง: ควรมีการจัดตั้ง "พื้นที่กลาง" ที่เหมาะสมสำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงทักษะ (เช่น มีพื้นที่กว้าง, มีการเก็บเสียงที่ดี, สามารถปรับรูปแบบห้องได้หลากหลาย) และให้ผู้สอนสามารถยื่นความจำนงเพื่อขอใช้พื้นที่ได้
- การสนับสนุนงบประมาณ: สถาบันควรจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินกิจกรรมเชิงทักษะที่ต้องอาศัยวิทยากรภายนอกหรือทีมพี่เลี้ยง เพื่อแบ่งเบาภาระของผู้สอน และสร้างความยั่งยืนในการเชิญผู้มีประสบการณ์จริงมาร่วมจัดการเรียนรู้
- การพัฒนาทักษะโดยไร้แรงกดดันด้านเกรด: ควรผลักดันให้กิจกรรมพัฒนากลุ่มทักษะจำเป็น (Soft Skills) นี้เป็นโอกาสในการ "ฝึกฝน" โดยเฉพาะ ไม่ใช่เครื่องมือในการ "ตัดสิน" ผลการศึกษา เพื่อให้นักศึกษาได้ทดลองและเรียนรู้จากความผิดพลาดได้อย่างแท้จริง
- การสร้างพื้นที่ KM สำหรับผู้สอน: สถาบันควรจัดตั้งแพลตฟอร์มหรือกิจกรรม KM สำหรับผู้สอนโดยเฉพาะ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรมด้านการจัดการเรียนการสอนในบริบทที่แตกต่างกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้สอนสามารถนำบทเรียนของผู้สอนท่านอื่นไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทสรุป: กิจกรรมในคาบนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าการบูรณาการทีมงานภายนอกและการเน้นการปฏิบัติจริง สามารถสร้างผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมเกินความคาดหวังได้ ทว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนจากระบบในระดับโครงสร้างพื้นฐานและงบประมาณอย่างเป็นรูปธรรม